ประโยชน์ของอะโวคาโด

  • Last modified on:3 ปี ago
  • Reading Time:2Minutes
  • Post Words:27Words
  • PostView Count:251Views

ประโยชน์ของอะโวคาโด

 

           ประโยชน์ของอะโวคาโด มีอะไรบ้างนะ? สุขภาพดีดี.com มีคำตอบ อะโวคาโด (Avocado) หรือ ลูกเนย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Persea americana Mill จัดอยู่ในวงศ์อบเชย (LAURACEAE)

           อะโวคาโดเป็นต้นไม้พื้นเมืองของรัฐปวยบลา ประเทศเม็กซิโก ซึ่งในประเทศไทยมีการนำมาปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน ก่อนจะแพร่ขยายไปทั่วประเทศ โดยอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย ลักษณะของผลจะมีรูปร่างคล้ายสาลี่ หรือรูปไข่จนถึงรูปกลม

           อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากในแถบยุโรปและอเมริกา เพราะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แต่สำหรับบางคนแล้วกลับไม่ชอบรับประทานอะโวคาโดเอาเสียเลย เพราะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน และมีไขมันสูง ผลไม้ชนิดนี้จึงถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

           ผลอะโวคาโดน้ำหนัก 100 กรัมมีไขมันสูงถึง 14.66 กรัม แต่อย่าพึ่งตกใจไป! การรับประทานอะโวคาโดไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากไขมันของอะโวคาโดนั้นเป็นไขมันดี (HDL) และมีส่วนช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL)  แถมการรับประทานอะโวคาโดยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ซึ่งอะโวคาโดมีประโยชน์หลากหลายมาก วันนี้ สุขภาพดีดี.com ได้ list ประโยชน์ของอะโวคาโดมา 10 ข้อ ได้ดังนี้

 

ประโยชน์ของอะโวคาโด

 

  1. อะโวคาโดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อว่า chlorophyll จากสีเขียว carotenoids – beta carotene จากสีส้ม lutein and zeaxanthin จากสีเหลือง ซึ่งมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ต่างๆไม่ให้ถูกทำลาย อีกทั้งช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้
  2. อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ และมีส่วนช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้เป็นอย่างดี
  3. อะโวคาโดเป็นแหล่งของกรดไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันเลวในหลอดเลือดได้ จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหัวใจวาย อีกทั้งมีส่วนช่วยลดน้ำหนัก การรับประทานอะโวคาโดสามารถช่วยลดน้ำหนักตัวและลดระดับไขมันชนิดเลว (LDL) ลงได้อย่างชัดเจน
  4. น้ำมันอะโวคาโดเป็นน้ำมันที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีที่สุดหากเทียบกับน้ำมันอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด อัลมอนด์ หรือแม้กระทั่งน้ำมันมะกอก อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้นวดศีรษะเพื่อช่วยเร่งการงอกของเส้นผมได้
  5. ในผลอะโวคาโดมีส่วนประกอบของวิตามินซีซึ่งช่วยลดโอกาสในการเป็นหวัดได้ อีกทั้งอะโวคาโดมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
  6. การรับประทานอะโวคาโดมีสรรพคุณช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน และ มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคปากนกกระจอก
  7. การรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำจะช่วยป้องกันและลดความถี่ของการเกิดโรคเหน็บชาได้
  8. ไขมันในอะโวคาโดสามารถช่วยดูดซึมสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นตัวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นไลโคปีน เบตาแคโรทีน หรือลูทีนในผักผลไม้ต่าง ๆ
  9. อะโวคาโดมีโฟเลตสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์อย่างมาก เนื่องจากมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกในครรภ์ และสำหรับหญิงที่คลอดลูกแล้ว สามารถให้ลูกน้อยรับประทานอะโวคาโดเป็นอาหารเสริมได้เนื่องจาก มีไขมันดี (HDL) ในปริมาณที่สูง
  10. อะโวคาโดสดสามารถใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาได้

 

           แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอะโวคาโดจะมีประโยชน์มาก ก็มีข้อควรระวังในการรับประทานด้วยเช่นกัน เนื่องจากผลดิบของอะโวคาโดไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ ดังนั้นควรรับประทานแต่ผลสุก สำหรับบางรายอาจมีอาการแพ้อะโวคาโดได้ โดยอาจจะแพ้ในรูปของละอองเกสร หรือแพ้หลังจากการรับประทานอะโวคาโดก็ได้ โดยอาการที่ปรากฏก็ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ผื่นคัน ลมพิษ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

กินอะโวคาโดอย่างไรให้ได้ประโยชน์

 

            หากต้องการรับประทานอะโวคาโดที่อร่อยและไม่ขม ควรเลือกอะโวคาโดที่สุกแล้ว จากการสังเกตที่ขั้วของลูก ควรเป็นสีน้ำตาลเหลือง ไม่ใช่น้ำตาลเข้ม (สุกเกินไป) หรือเขียวอ่อน (อ่อนเกินไป) ใช้มีดผ่าครึ่งตามแนวยาวรอบๆ เม็ดอะโวคาโดที่จะอยู่ตรงกลาง แบ่งแกะออกมาเป็นสองซีก แล้วใช้มีดสับตรงเม็ดเบาๆ ไม่ต้องลึกมาก แล้วดึงเม็ดออก จากนั้นจะใช้ช้อนขูดเนื้อออกมา หรือผ่าเป็นแว่นๆ แล้วค่อยลอกเปลือกออกมาได้ตามใจชอบ สามารถรับประทานเนื้ออะโวคาโดเพียวๆ ได้เลย หรือจะนำมาทาขนมปังกินแทนเนย นอกจากนี้ยังสามารถใส่ลงไปในสลัด โยเกิร์ต และอื่นๆ เหมือนการกินผลไม้ทั่วไปได้

 

ปอกอะโวคาโดอย่างไร
ให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุด?

  1. ผ่าครึ่ง โดยใช้มีดกดตามแนวยาว จนมีดติดเมล็ด แล้วดันมีดออกไปรอบๆ
  2. ใช้มือบิดอะโวคาโดให้เนื้อหลุดออกจากกัน
  3. ใช้มีดสับบนเมล็ดเบาๆ ให้มีดติดเมล็ด แล้วบิดมีดให้เมล็ดหลุดติดมีดออกมา
  4. ผ่าครึ่งเนื้ออะโวคาโดอีกครั้ง
  5. ใช้มือดึงเปลือกอะโวคาโดออกมา แทนการใช้ช้อนขูด
     
เคล็ดลับการเก็บอะโวคาโดอย่างไร ไม่ให้ดำ?

 

          อะโวคาโดก็เหมือนผลไม้หลายๆ ชนิด ที่ถึงแม้จะเก็บไว้ในตู้เย็น ก็อาจทำให้สีของเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล เพราะเนื้อผลไม้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เกิดจากสารประกอบที่อยู่ในอะโวคาโดที่เรียกว่า ฟินอล เจอกับอากาศ กลายเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า ควิโนน เมื่อควิโนนจับตัวกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น ก็จะเกิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน นั่นเอง

บทความนี้เป็นประโยชน์หรือไม่?

คลิกที่ดาว เพื่อให้คะแนนบทความ

Average rating 2.3 / 5. Vote count: 3