โกโก้ช่วยลดน้ำหนักได้
สาวๆหลายท่านคงได้เห็นกันมาบ้างแล้วว่าอาหารเสริมต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นโปรตีนต่างๆมักจะมีรสชาติช็อกโกแลต ที่นิยมทำรสชาติช็อกโกแลตนั้นไม่ใช่แค่เพียงเพื่อให้รับประทานง่ายเท่านั้น แต่ตัวช็อกโกแลต หรือ โกโก้ นั้นมีงานวิจัยรองรับว่ามีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้จริง แต่คำถามคือเราสามารถเชื่อถือได้มากแค่ไหนว่า โกโก้ช่วยลดน้ำหนักได้ ? วันนี้ สุขภาพดีดี.com มีข้อมูลดีๆมาแบ่งปันให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
มาเริ่มต้นกันที่ความรู้จักกับโกโก้กันก่อนนะคะ โกโก้ ทำมาจาก เมล็ดของต้นกาเกา (Cacao) ซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดจากแถบอเมริกาใต้ เป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับทำช็อกโกแลต เมนูของหวานอันเลื่องชื่อที่ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งโลก โกโก้ที่เป็นเมล็ด จำเป็นต้องนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปออกมาเพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ
โดยผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ จะให้โปรตีน 1 กรัม ไขมันทั้งหมด 13.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3 กรัม ไฟเบอร์ 3 กรัม ปริมาณแป้งสุทธิ 1 กรัม และอุดมไปด้วยสารอาหารที่ประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ แมกนีเซียม โพแทสเซียม แมงกานีส ทองแดง ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ โกโก้ ก็คงจะต้องรู้กันดีอยู่แล้วว่าเมนู โกโก้ร้อน และ โกโก้เย็น อร่อยมากและเป็นเมนูยอดฮิตของคาเฟ่ในปัจจุบัน แต่นอกเหนือจากความอร่อยจนลืมไม่ลงนั้น โกโก้ ยังให้ประโยชน์มากกว่านั้นอีกในหลากหลายด้าน รวมไปถึง การลดน้ำหนัก อีกด้วย
โกโก้ช่วยลดน้ำหนักได้ อย่างไร? |
การรับประทานโกโก้ให้เป็นเมนูลดน้ำหนักนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่ความเข้มข้นหรือความบริสุทธิ์ของผงโกโก้ ที่ใช้ในการทำขนมหรือเครื่องดื่ม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหากต้องการลดน้ำหนัก ควรใช้ความเข้มข้นของผงโก้โก้อย่างน้อยที่ 70% ขึ้นไปหรือที่เรียกกันว่า ดาร์กชอคโกแลต (Dark Chocolate) เท่านั้น ซึ่งด้วยความเข้มข้นของผงโกโก้ดังกล่าวทำให้รสชาติความหวานที่หลายๆคนชื่นชอบจะหายไปและแทนที่ด้วยรสขมปร่าที่ปลายลิ้น
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนอาจจะไม่ชอบชอคโกแลตบริสุทธิ์ระดับนั้น แต่ด้วยความเข้มข้นนี้เองที่สร้างประโยชน์ในการลดน้ำหนัก เนื่องจากจะมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารเร่งการเผาผลาญในร่างกาย บางคนที่เป็นคอดื่มไวน์อาจคุ้นเคยชื่อสารชนิดนี้ดีว่าเป็นตัวช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นและช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดตีบอีกด้วย นอกจากนี้ในชอคโกแลตเองก็ยังมีกากใยอาหารแม้จะผสมอยู่ในสัดส่วนที่น้อยนิดคือประมาณ 2 กรัมต่อชอคโกแลตแท่งหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าตัวโกโก้ที่เป็นโกโก้เข้มข้นนั้นมีส่วนช่วยในการเร่งการเผาผลาญในร่างกายได้จริง และกระบวนการการเผาผลาญในร่างกายนั้นจะช่วยให้ร่างกายดึงไขมันส่วนเกินออกไปใช้ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้ในระยะยาว และยังมีส่วนช่วยระบบการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้อีกด้วย แต่เท่านั้นยังไม่พอ โกโก้ยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย ดังนี้
1. มีส่วนช่วยต้านมะเร็ง
ผงโกโก้ ช่วยในการต้านมะเร็งเพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงกว่าอาหารทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชาดำ หรือไวน์แดง สารต้านอนุมูลอิสระสำคัญใน โกโก้ ก็คือ สารโพลีฟีนอลส์ (Polyphenols) สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) สารไนอาซีน (Niacin) ซึ่งสารอาหารสำคัญเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าช่วยในการ ปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายโดยแบคทีเรีย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งที่มีอยู่แล้วมีการแพร่กระจาย ช่วยกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตาย
2. ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ
สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ในผงโกโก้ เป็นตัวช่วยสำคัญที่ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เพราะมีสรรพคุณในการป้องกันการอุดตันในเลือด และลดการปิดกั้นการไหลเวียนของหลอดเลือดซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ในโกโก้ยังมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ไขมันอิ่มตัว และกรดโอเลอิก (Oleic acid) ที่ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง
3. ลดความเสี่ยงความดันโลหิต
สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ยังคงเป็นพระเอกใน โกโก้ และผงโกโก้ มีผลการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานโกโก้เป็นประจำ จะมีการขยายตัวของหลอดเลือดซึ่งช่วยให้ระบบเลือดสามารถไหลเวียนได้ดี และยังช่วยลดความเครียดที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการมีความดันโลหิตสูงอีกด้วย
4. ป้องกันสมองเสื่อม
สารโพลีฟีนอลส์ (Polyphenols) และ สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ใน โกโก้ ได้รับการค้นพบว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานรของสมอง ช่วยให้เลือดไหวเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี และยังช่วยป้องกันโรคความเสื่อมของระบบประสาท (Neurodegenerative) เช่น ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)
5. ช่วยให้อารมณ์ดี ลดซึมเศร้า
ถ้าหากรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลีย เศร้า หรือว่ารู้สึกไม่มีความสุข สารอาหารในโกโก้สามารถช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้ ซึ่งส่วนช่วยลดอาการเซื่องซึม เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
6. โกโก้ดีต่อสุขภาพฟัน
การรับประทาน โกโก้ เป็นประจำ มีส่วนช่วยให้สุขภาพช่องปากแข็งแรงได้ เพราะในโกโก้นั้นมีสารที่ชื่อว่า ทีโอโบรมีน (Theobromine) ช่วยในการต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ฟันแข็งแรง แต่ข้อสำคัญคือไม่ควรเติมน้ำตาลลงไปในโกโก้
เห็นอย่างนี้แล้ว สุขภาพดีดี.com แนะนำให้ทุกคนเปลี่ยนจากการทานน้ำหวานที่มีแต่น้ำตาล มาดื่มโกโก้เย็นหรือโกโก้ร้อน ที่มีความเข้มข้นมากหรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ ดาร์กชอคโกแลต (Dark Chocolate) แทนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวนะคะ