แอสต้าแซนทีน อาวุธ ลับ สังหาร ความแก่
ในปี 2011 มีหนังเรื่อง นึงที่กล่าวถึงคนในโลกอนาคต ที่ร่างกายจะ หยุดเติบโต หยุดแก่ คงสภาพ ของร่างกายเอาไว้ที่อายุ 25 ปี ในหนังเรื่องนี้เราจีงเห็น ทุกๆคน มีร่างกายภายนอก มีอายุ เท่าๆกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นคุณยายของนางเอก หรือ คุณแม่นางเอก ก็ตาม ทุกๆคน สวย อ่อนวัย ไม่ว่าอายุจริงจะเป็นเท่าไหร่ ก็ ดูไม่แก่ เลย
ในโลกความจริง เรากลับเจอเรื่องที่ ย้อนแย้ง ตรงข้ามกัน หลายๆ คน เจอคำว่าป้า ตั้งแต่อายุ ย่างเข้า หลัก 3 เท่านั้น ซึ่งหากเรา คงความสวย ความอ่อนเยาว์ไว้ได้ เหมือน หนัง เรื่องนั้น คงดี
แต่ไม่ใช่จะไม่มีหวังนะค่ะ เพราะ ในหลาย ทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาตร์ และ นักวิชาการ ในสาขา ต่างๆ ต่างระดม สมอง เพื่อค้นหา กุญแจ ไขความลับของความแก่ชรา ด้วยกันทั้งสิ้น
มนุษย์ เรา แก่ ลงได้อย่างไร
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวจการ ศูนย์ เวชศาสตร์ อายุรวัฒน์นานาชาติ ได้ กล่าวถึงสาเหตุของ การแก่ชราไว้ว่า “ความแก่ชราคือการที่ร่างกายเกิด “สนิมแก่” หรือ “อนุมูลอิสระ” มากเกินไป จน เสียความสมดุล โดย เจ้า อนุมูลอิสระนี้ จะทำการ เข้าโจมตี เซลล์ต่างๆ ของร่างกาย จากการตายของเซลล์เล็กๆ ก็จะลุกลามขยายตัว จนกลายเป็น ความเสียหายที่ ทำให้เห็น ชัดเจนภายนอกร่างกาย เช่น เส้นผมที่หงอก เพราะ อนุมูลอิสระโจมตี เซลล์ผลิตการสร้างเม็ดสีผม ที่รากผม ทำให้ ผมที่งอกออกมา กลายเป็นสีขาว หรือ ริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า เกิดขึ้น เพระ อนุมูลอิสระ โจมตี เซลล์ผิว ที่เรียงตัวกัน เหมือนแผ่นอิฐ เมื่อ อิฐที่ฐานล่าง หนึ่ง ก้อน ถูกทำลาย เซลล์ผิวที่เรียงตัวต่อกันเป็น เหมือนกำแพง ก็พังลง ยุบตัวลง เห็นเป็นริ้วรอย ที่ผิวด้านนอก หรือ อนุมูลอิสระ เข้าโจมตี เซลล์ในอวัยวะ สำคัญ ต่างๆ กลายเป็น โรคร้าย เช่น เมื่ออนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ตับ สะสมนานวัน เซลล์ตับที่ถูกทำลายก็ ขยายตัว ลุกลาม การอักเสบ เซลล์ดีกลายพันธุ์ กลายเป็นเนื้อร้าย คือ มะเร็งในที่สุด
ปิ้ง!!! ( ไอเดีย เกิด ) ถ้า อนุมูลอิสระคือ ตัวร้ายสำคัญ ในการทำให้เรา แก่ชรา และ เป็นต้นตอของโรคร้ายต่างๆ หากเราหาวิธีกำจัด เจ้าอนุมูลอิสระนี้ หมดไป เพียงเท่านี้ เราก็จะไม่แก่ อีกต่อไป
นั้นคือ สิ่งที่ทำให้เกิด การ ค้นคว้าหาวิธีในการกำจัด เจ้า อนุมูลอิสระ ที่จะเกิดขึ้น ในร่างกาย ซึ่ง ก็มีการค้นพบหลากหลายวิธีที่จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ เช่น
-
-
- การพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ ร่างกาย มีช่วงเวลาในการพัก และ กำจัด อนุมูลอิสระ ในช่วงที่เราหลับ
- การไม่เครียด เพราะความเครียดคือ ต้นเหตุ เร่งให้เกิด อนุมูลอิสระมากยิ่งขึ้น
- การเลือกทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ ปราศจากสารเคมีและ สิ่ง เจอปน คือ แบบ ออร์แกนิค 100% ยิ่งดี เพราะ สารพิษที่อยู่ในอาหาร หรือแม้นแต่พืช ที่ ได้รับปุ๋ยเคมี ก็มีโอกาส ระตุ้นให้เกิด อนุมูลอิสระได้เช่นกัน
- ต้องออกกำลังกาย อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดการหลั่งเหงื่อ จะได้ขับ เจ้าสารอนุมูลอิสระ ออกมา แต่ หากออกมากเกินไป การออกกำลังอย่างหนัก ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิด อนุมูลอิสระ ได้เช่นกัน
-
ซึ่งทั้งหมด นั้น เป็น วิถีชีวิตที่ไม่มีอยู่จริง ค่ะ ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ เราก็หนีความเครียดไม่พ้น เราไม่สามารถ นอนได้เพียงพอ จาก หน้าที่การงานที่บ้างครั้งเราก็เลือกเวลานอนไม่ได้ ยิ่งเรื่องอาหาร ยิ่งเป็นเรื่องไกลตัวมาก แค่จะทานให้ครบ 3 มื้อ หรือ คุมให้ไม่เกิน 3 มื้อ ต่อวัน ก็ยังเป็นเรื่องยาก เลยค่ะ
นักวิชาการจึง เริ่มต้นค้นหา อาวุธลับ ชิ้นใหม่อีกครั้ง ที่จะสู้กับความแก่ชรา เพื่อใช่ในการกำจัด อนุมูลอิสระ สิ่งที่ค้นพบคือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่สกัดได้จาก อาหารต่างๆ เช่น
-
-
- วิตามินซี ซึ่งได้จาก แหล่งอาหารในกลุ่ม ผักและผลไม้ เช่น ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม ผักใบเขียว สับปะรด
- วิตามินอี ซึ่งได้จาก แหล่งอาหารในกลุ่ม เมล็ดธัญญาพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันจาก รำข้าว น้ำมันจากข้าวโพด น้ำมันจากเมล็ดทานตะวัน
- สารแคโรธีนอยด์ ซี่งได้จาก แหล่งอาหาร พืชผักผลไม้ ที่มีสีเหลือง ส้ม
-
แต่ สารที่ยืนหนึ่ง ได้รับการยืนยัน ว่ามี ฤทธิ์ในการต้าน อนุมูลอิสระ สูงที่สุด คือ “แอสต้าแซนธิน” แอสต้าแซนธิน เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรธีนอยด์ ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากที่สุด โดย สูงกว่า วิตามินซี ถึง 6,000 เท่า ซี่งจากการวิจัยพบว่า
-
-
- แอสต้าแซนธิน สามารถป้องกัน และฟื้นฟูจอประสาทตาที่เสื่อม ทั้งการเสื่อมจากอายุในผู้สูงอายุ และ เสื่อมจากผลแทรกซ้อน ของโรคเบาหวาน
- แอสต้าแซนธินา ช่วยกระตุ้นความจำ ช่วยป้องการ เซลล์สมอง ไม่ให้ถูกทำลาย โดย ความเสื่อม ตามอายุ
- แอสต้าแซนธินา ช่วย ลดความดัน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ช
- แอสต้าแซนธินา ช่วย ควบคุมระดับไขมัน ในเลือด สร้างสมดุล ระหว่า ไขมัน ดี และ ไขมันไม่ดีได้อย่างสมดุล
- แอสต้าแซนธินา ช่วย ลดความอักเสบ ในทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะกับผิวหนัง ทั้ง ลดจุดด่างดำ ป้องกันผิวจาก รังสีต่างๆ ลด และ ป้องกัน การเกิด ริ้วรอย
- แอสต้าแซนธินา ช่วย ให้ ไม่อ่อนเพลีย ทำให้สดชื่น
-
แอสต้าแซนทีน แหล่งอาหารที่มี
แอสต้าแซนทีน เป็นสารสีแดง ที่พบได้ ใน สัตว์ ที่มีสีแดงส้ม เช่น ปลาแซลมอน ไขปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้งลอปเตอร์ และ ยังพบ มากในสาหร่าย ทะเล สีแดง Microalgae
สายพันธุ์ Haematococcus Pluvialis ซึ่ง เป็นสาหร่ายที่ เติบโต อยู่ใน ทะเลแถบเมดิเตอร์เลเนียม
ต้องทาน ปลาแซลมอน มากแค่ไหน จึงจะได้ ปริมาณแอสต้าแซนธิน ที่เพียงพอต่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ ในแต่ละวัน
ปริมาณที่พบ แอสตาแซนธิน ใน ปลาแซลมอน 100 กรัม จะมีแอสต้าแซนติน เพียง 0.5 มิลลิกรัม เท่านั้น!!
นั้นหมายความว่า ถ้าต้องการแอสต้าแซนธิน ในปริมาณ 6 มิลลิกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อการดูแลปกป้องผิวพรรณ จะต้องทาน ปลาแซลมอน มากว่า ครั้งกิโล ต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่เยอะมาก และ ที่สำคัญ เราคงทานปลาแซลมอนวันละ ครึ่งกิโลทุกๆวันไม่ได้ แน่นอน
หรือจะให้ทาน เปลือกกุ้งลอปเตอร์ ก็ คง ยิ่ง ยากขึ้นไปอีก ดังนั้น การทานแอสต้าแซนติน ในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจึงเป็น ทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะ แอสต้าแซนติน ในรูปแบบอาหารเสริม นั้นเราจะได้รับ แอสต้าแซนติน ในปริมาณ 6 มิลลิกรัม ได้ง่ายๆ จากการทาน อาหารเสริม เม็ดเล็กๆ เพียงเม็ดเดียว เท่านั้น
เลือกทั้งที ต้องเลือก สิ่งที่ดีที่สุด
ที่สุดของสารต้านอนุมูลอิสะในปัจจุบันนี้ คือ แอสต้าแซนธิน 6 มก.รวมกับ โคเอนไซม์คิวเท็น 30 มก.และวิตามินอี คือคำตอบที่สุดยอดของกระบวนการต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุด เพราะ
โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) 30มก.
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิตมีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างพลังงาน หากอายุมากขึ้นโคเอนไซม์คิวเทน ในร่างกายจะลดลงหรือมีไม่เพียงพอ ซึ่งอาจสัมพันธ์กับการเกิดโรคได้หลายชนิด เช่น โรคชรา โรคเครียด การติดเชื้อ และโรคแปลกๆมากมายมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย เพราะถ้าหากร่างกายขาดโคเอนไซม์คิว10 เซลล์ในร่างจะหยุดทำงานทันที! มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดริ้วรอยและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง โคเอนไซม์คิวเทน10 30มก. ช่วยเสริมการทำงานของหัวใจเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สำหรับผู้ที่สูงอายุแล้วการรับประทานโคเอนไซม์โคเอนไซม์คิวเทน10 30มก. จะทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนมีพลังขึ้นมาทันที เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพราะโคเอนไซม์10 30มก. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบันและเป็นสารที่สำคัญมากสำหรับการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
วิตามินอี
ช่วยทำให้แลดูอ่อนกว่าวัย โดยชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์ ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพความทนทาน ช่วยปกป้องปอดจากมลพิษทางอากาศโดยทำงานร่วมกับวิตามินเอ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคให้เม็ดเลือดขาวชนิดที่เซลล์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม ช่วยป้องกันและสลายลิ่มเลือด ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจก ป้องกันแผลเป็นหนานูนทั้งภายนอกและภายในเร่งให้แผลไหม้บริเวณผิวหนังหายเร็วยิ่งขึ้น ทำงานคล้ายยาขับปัสสาวะ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยในการป้องกันภาวะแท้ง บรรเทาอาการตะคริวหรือขาตึง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอัมพฤกษ์ อัมพาต ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์
ดังนั้น การทาน แอสต้าแซนธิน 6 มก.รวมกับ โคเอนไซม์คิวเท็น 30 มก.พร้อมกับ วิตามินอี จีงเป็นที่สุดของการต้นอนุมูลอิสระ นั้นเอง และ สุดท้าย หากจะเลือก ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคุณภาพ อย่าลืมตรวจสอบ เลขที่อย. สถานที่ผลิต และต้องมีผู้จัดจำหน่ายที่ชัดเจน และ แบรนด์ สินค้าต้องได้รับการยอมรับจาก ร้านขายยา และ เภสัชกร มามากกว่า 16 ปี
จึงจะวางใจได้ในคุณภาพ ของ ผลิตภัณฑ์ นั้น ๆ ค่ะ
อ้างอิง ข้อมูล
ผศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย อ.ริญ เจริญศิริ สถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล รศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร นายศิริพัฒน์ เรืองพยัคฆ์ ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน
บทความวิชาการ จาก คณะ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย แม่โจ้ จ.เชียงใหม่
บทสัมภาษณ์ บางส่วน ของ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ