ไข้เลือดออกระบาด ช่วงฝนตกชุก เตรียมตั้งการ์ด

  • Last modified on:4 ปี ago
  • Reading Time:3Minutes
  • Post Words:33Words
  • PostView Count:197Views

ไข้เลือดออกระบาด ช่วงฝน ตกชุก เตรียมตั้งการ์ด

เข้าช่วง ฤดูฝน โรคที่ ต้องระวัง ดูแลป้องกัน คือ โรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรค ที่ระบาด มาต่อเนื่อง ถึง 50 ปีแล้วแต่ ยิ่งนาน ก็ ยิ่งทวีความรุนแรงของโรคขึ้นเรื่อยๆ บ่อยครั้งที่เราได้ยินข่าว มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้

 

ส่วนสถานการณ์ในปีนี้ กรมควบคุมโรค ได้ทำการพยากรณ์ โรค ไข้เลือดออกระบาด ของปี 2563 ไว้ ดังนี้ จะมีผู้ป่วย ด้วยโรคไข้เลือดออกประมาณ 140,000 ราย และ

คาดว่าจะมีจำนวนพื้นที่เสี่ยงสูงต่อการระบาด ของโรคไข้เลือดออก จำนวน 224 อำเภอ ซึ่งอยู่ใน 60 จังหวัด กระจายทั่วทุกภาคของประเทศ

เป็น สถานการณ์ที่ น่ากังวลใจ โดยเฉพาะกับ ชุมชนที่มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุง มีแหล่งน้ำ ท่วมขัน มีเด็กเล็ก หรือ ผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้เกิดการติดเชื้อ

ไข้เลือดออกได้ง่าย แถมยัง ฟื้นตัวได้ยาก และ มีโรคแทรกซ้อน ได้ง่ายอีกด้วย วันนี้ เว็บไซต์ สุขภาพดีดี จะมาเจาะลึก ทำให้ทุกท่านได้รู้จัก เข้าใจ เพื่อป้องกัน เตรียมตัว ตั้งการ์ด รับกับ โรคไข้เลือดออกได้ เพราะความปลอดภัยของทุกๆ คน

 

ไข้เลือดออกระบาด ในแต่ละช่วง มีการติดต่อได้อย่างไร

ไข้เลือดออก เป็นโรคที่มียุงลายบ้าน (AedesaegyptiX เป็นพาหะ นำโรค วงจรการแพร่กระจายโรคคือ ยุงลายตัวเมียทำการดูดเลือดของผู้ป่วยระยะที่มีไข้ เข้าไปไว้ที่กระเพาะจากนั้น

เชื้อไวรัสที่ชื่อว่า “เชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) ” ก็จะทำการเพาะพันธุ์เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว เมื่อเจ้ายุงลายตัวเดิมตัวนี้ ไปกัดคนต่อไป

ในขณะที่ปากมันกัดเพื่อดูดเลือด ก็จะทำการแพร่เชื้อเดงกี เข้าไปในร่างกาย ทำให้คนที่ถูกกัด ติดเชื้อ และ เข้าสู่ช่วงการฟักตัวของไข้เลือดออกกลายเป็น โรคไข้เลือดออกในเวลาต่อมา

 

ไข้เลือดออกมีระยะการฟักตัว กี่วัน และ อาการในช่วงที่ฟักตัวเป็นอย่างไร

ระยะการฟักตัว ของเชื้อที่อยู่ใน “ตัวยุง” ประมาณ 8-10 วัน (ยุงตัวเมียอายุตัวเต็มวัยพร้อมแพร่เชื้อ 30-45วัน นั้นแสดงว่า ยุงลายตัวเมีย 1 ตัวสามารถเพราะเชื้อได้ 5-6 รอบต่อ 1รอบชีวิตของมัน)

ระยะการฟักตัว ของเชื้อที่อยู่ใน “ตัวคน” ประมาณ 5-8 วัน ซึ่งใน 2-4 วันแรก ก็สามารถ แพร่เชื้อ สู่ยุงได้แล้ว

 

อาการของไข้เลือดออก แบบได้เป็น 3 ระยะ

1.ระยะไข้ มีไข้สูง 38.5 ขึ้นไป โดยที่ใช่ยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลง ติดต่อกัน 2-7 วัน ในระหว่างนี้จะมี ผื่นแดงขึ้น มีอาการ คลื่นไส้ ซึม เบื่ออาหาร ปวดบิดในท้อง อุจจาระเป็นสีดำ ร่วมด้วย

 

2.ระยะช็อก หรือ ระยะที่อาการรุนแรง ซึ่งผู้ป่วย 1ใน 3 จะมีอาการรุนแรง เข้าสู่ภาวะนี้ได้ คือ ภาวะที่การไหลเวียนเลือดล้มเหลว ทำให้เกิดการช็อก ให้ระมัดระวัง ในช่วงวันที่ 2-3 ของการมีไข้สูง

อาการนี้จะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก และ หลังจาก เข้าสู่ภาวะนี้ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 12-24 ชม

 

3.ระยะฟื้นตัว หรือผ่านช่วย ที่2 หรือ ผู้ป่วย ที่ไม่เข้าสู่ ระยะช็อก จะเข้าสู่ระยะ ฟื้นตัว ผู้ป่วยจะรู้สึกดีขึ้น สดชื่นขึ้น การฟื้นตัว จะมีระยะ 2-3 จากนั้น ก็จะ หายเป็นปกติ

 

ดังนั้น ช่วงระยะที่ 1 เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด หากพบ กว่ามีไข้สูง เช็ดตัวแล้วไม่ลง เลย มีการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีผื่นตามร่างกาย ควรพบแพทย์โดยด่วนที่สุด จะทำให้ ผู้ป่วยไม่เข้าสู่ระยะช็อก และ เข้าสู่ระยะฟื้นตัว ได้เร็วขึ้น

 

วัย40ปี

 

หยุด ไข้เลือดออกระบาด พร้อมๆ กับ ป้องกัน เสริมความแข็งแรง

 

1.ต้องกำจัด แหล่งเพาะพันธุ์ยุง หยุดการแพร่เชื้อ กำจัดแหล่งน้ำขัง ในบ้านและรอบๆ บ้าน ฉีดพ่นยาควัน ไล่แมลง ทาครีมกันยุง หลีกเลี่ยง ชุดสีดำ และ ควรแต่งกายให้มิดชิดเพื่อป้องกันการโดน ยุงกัด

 

2.เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับ เชื้อโรค และ ลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน ที่จะเกิดขึ้น ในระหว่าง ป่วยเป็นไข้เลือดออก

 

มีการบันทึก ใน สถานการณ์ ระบาดของไข้เลือดออกในประเทศ ฟิลิปปินส์ ที่ระบุ ถึง คุณสมบัติของพืช มหัศจรรย์ คือ สาหร่ายเกลียวทอง ที่ใช่ควบคู่กับการรักษาโรคไข้เลือดออก

โดย ดร.ทาปิเอดอ อดีตผู้บริหาร FAO ได้ให้คำแนะนำให้ ใช่สาหร่ายเกลียวทอง เพื่อช่วยรักษา ผู้ป่วยไข้เลือดออก ที่ระบาดอย่างรุนแรงในขณะนั้น โดยให้เหตุผลไว้ว่า

“สาหร่ายเกลียวทอง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และ เม็ดเลือดขาวในกับผู้ป่วยไข้เลือดออก ซึ่งมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หากผู้ป่วย ได้ทานสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งมีสาร สีน้ำเงิน (Phycocyanin)

ซึ่งมีเยอะมากในสาหร่ายเกลียวทอง สารชนิดนจะทำหน้าที่ เหมือน ฮอร์โมน EPO ซึ่งหากร่ายกายอยู่ในภาวะปกติ ฮอร์โมนนี้จะผลิตที่ไต และ ตับ เพื่อควบคุมให้ไขกระดูก

ผลิตเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว และ เกล็ดเลือด จึงทำให้ สามารถช่วยชีวิต ผู้ป่วยไข้เลือดออกได้ นั้นเอง”

 

เลือก สาหร่ายเกลียวทอง ต้องเลือก จาก แหล่งที่ใช่ เพาะเลี้ยง

สาหร่ายเกลียวทอง ที่ดี ต้อง เติบโตในบ่อเพาะเลี้ยงที่มีกระบวนการผลิต อยู่ภายใต้การดูแลของนักวิชาการตลอด 24 ชม .

โดยใช่น้ำแร่ในการผลิต และ ต้องมาจากฟาร์มสาหร่ายที่ได้ ก่อตั้ง และได้รับการดูแลจาก ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ค้นพบ และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ สาหร่าย มามากกว่า 20 ปี

เช่น สาหร่ายที่มาจาก ฟาร์ม ของ คุณเจียมจิตต์ บุญสม ผู้ซึ่งค้นพบ สายพันธุ์ จากแหล่งน้ำในประเทศไทย และ เป็นผู้ตั้งชื่อ สายพันธุ์ว่า “สาหร่ายเกลียวทอง”

และ คุณเจียมจิตต์ ยังเป็นผู้เริ่มต้นโครงการเพาะสาหร่ายในโครงการพระราชดำริ สวนจิตรลดา อีกด้วย เรียกได้ว่า คุณเจียมจิตต์ ท่านเป็น มารดาของสาหร่ายเกลียวทอง ท่านใช่เวลา เกือบ 20 ปี

ในการ ค้นคว้าพัฒนา สาหร่ายเกลียวทองจนกลายเป็น ผู้เชี่ยวชาญ เรื่องสาหร่ายเกลียวทอง ที่สุดในประเทศไทย

 

ปัจจุบัน คุณเจียมจิตต์ ได้ เป็นผู้ก่อตั้งและดูแลฟาร์ม สาหร่ายเกลียวทอง ที่ใหญ่ และมีกำลังการผลิตที่ดีและมากที่สุด ในประเทศ และ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากฟาร์มของท่าน

ได้รับการยืนยัน จาก หน่วยงาน ตรวจสอบคุณภาพมากมาย มาตรฐานระดับสากล GMP,HACCP,ISO22000:2005 , Halal ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับ จากต่างประเทศ และมี การวางจำหน่าย ที่ญี่ปุ่น อเมริกา และ ยุโรป หลายประเทศ

และ ด้วยกระบวนการ ตั้งแต่ เพาะเลี้ยง การเก็บเกี่ยว จนถึง การอัดเม็ด ทุกๆ กระบวนการ ไม่มีการใช้สารเคมี 100% จึงทำให้ สาหร่ายเกลียวทอง คือ อาหารที่ดีที่สุด สำหรับทุกๆ คนในครอบครัว

ทีมงาน เว็บไซต์ สุขภาพดีดี ส่งความห่วงใย ฝากไปให้กับทุกๆ ครอบครัว ปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออก ผ่านพ้นช่วงหน้าฝนนี้ไปได้ ด้วยดี

วัย40ปี

บทความนี้เป็นประโยชน์หรือไม่?

คลิกที่ดาว เพื่อให้คะแนนบทความ

Average rating 0 / 5. Vote count: 0